กำลังในการรับใช้และช่วยเหลือผู้อื่นอย่างเกิดผล (เอเสเคียล 2:1-10, 3:1-3)
แล้วพระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงยืนขึ้น เราจะพูดกับเจ้า” ในขณะที่พระองค์ตรัสกับข้าพเจ้านั้น พระวิญญาณทรงเข้ามาในข้าพเจ้าและทรงตั้งข้าพเจ้าให้ยืนขึ้น ข้าพเจ้าได้ยินพระองค์ผู้แปลได้อีกว่า ได้ยินคำที่ตรัสกับข้าพเจ้า และพระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า “บุตรมนุษย์เอ๋ย เราส่งเจ้าไปยังคนอิสราเอล ไปยังประชาชาติที่มักกบฏ ผู้ซึ่งได้กบฏต่อเรา ทั้งตัวเขาและบรรพบุรุษของเขาได้ละเมิดต่อเราจนถึงทุกวันนี้ เผ่าพันธุ์ที่ดื้อด้านและใจกระด้าง เราใช้เจ้าไปหาเขาทั้งหลาย และเจ้าจงพูดกับพวกเขาว่า ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้’ พวกเขาจะฟังหรือปฏิเสธก็ตาม (เพราะว่าเขาเป็นพงศ์พันธุ์ที่มักกบฏ) พวกเขาจะได้รู้ว่ามีผู้เผยพระวจนะคนหนึ่งท่ามกลางพวกเขาแล้ว ส่วนเจ้า บุตรมนุษย์เอ๋ย อย่ากลัวพวกเขาหรือคำพูดของเขา ถึงแม้ว่าต้นหนามและหนามพุงดอจะอยู่กับเจ้า และเจ้าอาศัยอยู่ท่ามกลางแมงป่อง ก็อย่ากลัวคำพูดของพวกเขา และอย่าท้อถอยเพราะสีหน้าของพวกเขา เพราะว่าเขาเป็นพงศ์พันธุ์ที่มักกบฏ แต่เจ้าจงกล่าวถ้อยคำของเราให้พวกเขาฟัง แม้พวกเขาจะฟังหรือปฏิเสธก็ตามเถอะ เพราะเขาเป็นพงศ์พันธุ์ที่มักกบฏ “ส่วนเจ้า บุตรมนุษย์เอ๋ย จงฟังสิ่งที่เรากล่าวกับเจ้า อย่าเป็นคนมักกบฏเหมือนพงศ์พันธุ์ที่มักกบฏนั้น จงอ้าปากของเจ้าและกินสิ่งที่เราให้เจ้า” เมื่อข้าพเจ้ามองดู นี่แน่ะ พระหัตถ์ข้างหนึ่งเหยียดออกมายังข้าพเจ้า และดูสิ ในพระหัตถ์นั้นมีหนังสืออยู่ม้วนหนึ่ง แล้วพระองค์ทรงคลี่หนังสือนั้นออกต่อหน้าข้าพเจ้า มีตัวหนังสือเขียนอยู่ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง มีบทคร่ำครวญ คำไว้ทุกข์ และคำวิบัติเขียนอยู่บนนั้น — เอเสเคียล 2:1-10
- หน้าที่ในการรับใช้: พระเจ้าสั่งกับเอเสเคียลว่าจะให้ท่านประกาศพระวจนะแก่ประชาชนที่มักกบฎ เอเสเคียลอาจถูกทำร้าย แต่ให้ท่านอดทน เพราะประชาชนจะไม่ฟังท่าน แต่เอเสเคียบต้องรู้ว่าพระเจ้าจะทรงสถิตอยู่กับท่าน ท่านจึงไม่ควรดื้อด้านเหมือนพวกเขา และต้องต้องถ่ายทอดพระวจนะของพระเจ้าอย่างตรงไปตรงมา (1:1-10)
- เริ่มด้วยพระคำ: ในนิมิตนั้นเอเสเคียลต้องกินหนังสือม้วนเข้าไป หมายความว่า พระวจนะต้องฝังลึกลงในใจของท่านก่อนที่จะประกาศให้คนอื่นๆฟัง เมื่อเอเสเคียลได้กินพระวจนะของพระเจ้าเข้าไป ท่านก็พบว่าพระวจนะนั้นมีรสหวานเหมือนน้ำผึ้ง (2:1-3)
- การรับใช้ที่เกิดผล: ถ้าเราตั้งใจศึกษาพระวจนะคำของพระเจ้า เราจะพบว่าพระวจนะนั้นไม่เพียงทำให้เราแข็งแกร่งในความเชื่อเท่านั้น แต่พระปัญญาของพระองค์จะนำเราไปสู่ความหวานชื่นแห่งชีวิต เราจำเป็นต้องเลี้ยงดูชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณให้ดีเหมือนฝ่ายร่างกายของตน เพื่อที่เราจะมีกำลังมากพอที่จะช่วยเหลือผู้อื่นและรับใช้ได้อย่างเกิดผล
Credit :