Home คุณกษิดิศ เจริญชลวานิช

คุณกษิดิศ เจริญชลวานิช

คำพยานผู้รับบัพติศมา

ผมได้ยินคำว่าพระเจ้า เมื่อ 40 ปีที่แล้ว เพราะได้มาคลุกคลีอยู่ที่โบสถ์ไมตรีจิต หน่อแห่งความเชื่อในเรื่องพระเจ้าของผมถูกปลูกขึ้นในใจ เมื่อวันหนึ่งผมได้รับโอกาสพูดคุยกับเฮียบ่วง (อ.สงคราม) ซึ่งเฮียบ่วงได้แนะนำให้ผมรู้จักกับพระเจ้าและชวนให้ผมรับเชื่อ ผมตอบเฮียบ่วงไปว่า ขอผมศึกษาก่อน เพราะผมไม่ชอบเชื่ออะไรง่ายๆ เฮียบ่วงบอกว่ายินดี ขอให้ใช้เวลาศึกษาดู เรื่องของความเชื่อไม่ควรเร่งรัด

จากวันนั้น ผมศึกษาเรียนรู้เรื่องราวต่างๆ มากมายในการใช้ชีวิต แต่ทว่า ไม่ได้ศึกษาในเรื่องของพระเจ้าเลย ทั้งๆ ที่มีคู่ชีวิตเป็นคริสเตียน และลูกอีก 3 คน ก็เป็นคริสเตียนและอยู่ในทางของพระเจ้า ผมยังคงดื้อดึงและเชื่อมั่นในตัวเอง

ผมเป็นเสาหลักของครอบครัว เพราะภรรยาเสียสละออกมาเป็นแม่บ้านคอยดูแลลูกๆ ความเป็นอยู่ของครอบครัวเราดี อยากได้อะไรก็ได้ ไม่ขัดสนอะไร เมื่อ 2 ปีก่อน ผมต้องถูกตัดชิ้นเนื้อไปตรวจถึงสองครั้ง ภายใน 3 เดือน เพื่อตรวจสอบว่าเป็นเนื้อร้าย (สองแห่ง) หรือไม่ การรอฟังผล เป็นอะไรที่อึดอัดมาก ภรรยาและลูกๆ ช่วยกันอธิษฐานให้ผมทุกวัน จนผลตรวจออกมาว่า ผมไม่เป็นอะไร หน่อแห่งความเชื่อในใจผมเริ่มขยับ เริ่มมีการเปลี่ยนแปลง แต่ด้วยความดื้อและความเขลาของผม ทำให้ผมยังคงหาข้ออ้างให้ตัวเองอยู่เสมอ ในการที่จะปฏิเสธพระเจ้า

2 เดือนก่อน รรยาของผมตรวจพบว่า มีเนื้อร้ายที่รังไข่และลุกลามไปที่ต่อมน้ำเหลือง ตอนรับฟังข่าวร้าย ผมไม่อยากเชื่อเลยว่า เรื่องนี้จะเกิดกับภรรยาผม เพราะเธอออกกำลังกายทุกวัน ดูแลสุขภาพตัวเองดีกว่าผมเสียอีก และไม่มีวี่แววใดๆ ที่ส่งสัญญาณเลยว่าเธอจะป่วย ในขณะที่ผมดิ้นรนที่จะหาแนวทางในการรักษา แต่ภรรยาของผมสงบนิ่งมาก เธอบอกผมว่า “จงนิ่งเสีย และรู้เถิดว่า เราคือพระเจ้า” ในขณะที่ผมวุ่นวาย สับสน ภรรยาของผมกลับนิ่ง ด้วยความเชื่อในพระเจ้า คราวนี้หน่อแห่งความเชื่อในใจของผม เริ่มเคลื่อนไหวอย่างรุนแรงมากขึ้น ผมมีโอกาสทบทวนเรือ่ งราวทีผ่านมาในชีวิตของผมและครอบครัวอย่างลึกซึ้ง ทำให้ผมปฏิเสธไม่ได้เลยว่าหลายๆ ครั้งผมผ่านวิกฤตการณ์ต่างๆ มาได้ ไม่ใช่เพราะ ความรู้ ความสามารถของตนเองแต่อย่างใด ทั้งหมดล้วนแต่เป็นแผนการของพระเจ้า และพระเจ้าเท่านั้น เป็นผู้ที่ช่วยให้ผมรอดพ้นจากวิกฤตการณ์ต่างๆ มาได้

ผมมัวแต่ตาบอด หลงคิดไปที่จะสรรหาวัตถุ สิ่งของ หรือ สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆมาเป็นของขวัญให้ภรรยาและลูกๆ โดยละเลยมองข้ามพระเจ้า ที่แสดงออกผ่านทางภรรยาและลูกๆ มาโดยตลอด ผมรู้แล้วว่า ของขวัญที่ล้ำค่าที่สุดสำหรับภรรยาและลูกๆ ไม่ใช่สิ่งใดเลย นอกจากการ “จำนน” ของผมต่อพระเจ้า ด้วยความเชื่อว่า พระองค์จะเติมเต็มครอบครัวของเราให้บริบูรณ์ด้วยสันติสุข ผมขอให้ภรรยาผมนัดเฮียบ่วง เพื่อนนำผมอธิษฐานรับเชื่อ เพราะเฮียบ่วง คือคนแรก ที่ปลูกหน่อแห่งความเชื่อให้ผม น่าอัศจรรย์ใจมาก ที่เฮียบ่วงยังจำเรื่องที่เราคุยกันเมื่อ 40 ปีที่แล้ว ได้ทุกๆ ถ้อยคำ

ตอนนี้ ผมรับพระเจ้าเข้ามาในใจผมแล้ว อธิษฐานขอให้พระองค์ทรงใช้ผมในราชกิจของพระองค์ ตามของประทานที่ทรงมอบให้ผม ขอฝากการรักษาภรรยาของผมไว้ในพระหัตถ์อันทรงฤทธิ์ของพระองค์ และไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ผมจะติดตามพระองค์ และจะแสวงหาแผ่นดินของพระองค์ตลอดไป

หน่อแห่งความเชื่อของผมได้งอกขึ้นแล้ว และรอวันเติบโตขึ้น แข็งแกร่งขึ้น เพื่อจะได้รับใช้พระเจ้า ขอขอบคุณพระเจ้า ซึ่งในแต่ละวัน เดือน และปี ที่จะมาถึงของผม จะเป็นช่วงเวลาที่จะถวายเกียรติแด่พระเจ้า เพื่อให้สมกับที่พระองค์ทรงรอผมถึง 40 ปี ขอถวายเกียรติแด่พระเจ้าในที่สูงสุด

คุณกษิดิศ เจริญชลวานิช
(รับบัพติศมา 7/07/2019)__

Author: Maitrichit Church

Comments are disabled.